ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 75 ณ นครนิวยอร์ก นางเคลลีย์ คราฟต์ (Kelly Craft) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ กล่าวโจมตีจีนในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 และปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน เป็นเหตุให้นายไต้ปิง (戴兵) เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ต้องออกโรงตอบโต้เมื่อวันพุธ (7 ต.ค.) โดยปฏิเสธทุกข้อครหาที่ไร้สมมุติฐานความเป็นจริงของนางคราฟต์ ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวและดุดัน ซึ่งสรุปใจความสำคัญ 5 ประเด็น ดังนี้
1. ต่อประเด็นที่สหรัฐฯ มักกล่าวหาว่าโควิด-19 เป็น “ไวรัสจีน” และเรียกร้องความรับผิดชอบจากจีนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เปล่าประโยชน์ และไม่รับผิดชอบอย่างยิ่ง
จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว หลายวันมานี้ชาวจีนนับ 700 ล้านคน/ครั้ง ออกเดินทางเพื่อเฉลิมฉลองในช่วงหยุดยาววันชาติจีนและวันไหว้พระจันทร์อย่างมีความสุขและปลอดภัย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ กลับทะลุ 7 ล้านคนแล้ว จีนยืนหยัดว่าชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ทั้งคนแก่อายุเกือบร้อย จนถึงเด็กแรกเกิด ล้วนได้รับการรักษาจนหายจากโควิด-19 ขณะที่ผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯ เกินกว่า 210,000 คนแล้ว นอกจากกล่าวหาจีนอย่างไร้เหตุผล สหรัฐฯ ควรหันไปตอบคำถามชาวอเมริกันก่อน ว่าทำไมสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก!
2. ต่อประเด็นที่สหรัฐฯ กล่าวหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงนั้น สังคมซินเจียงมีทั้งเสถียรภาพและความมั่งคั่ง ชนชาติต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง
ปัจจุบัน มัสยิดในซินเจียงมีจำนวนกว่า 24,400 แห่ง เฉลี่ยแล้วมี 1 มัสยิดต่อชาวมุสลิม 530 คน คิดเป็นสันส่วนมากกว่าจำนวนมัสยิดในสหรัฐฯ 10 เท่า หรือมีจำนวนมากกว่าประเทศมุสลิมหลายประเทศด้วยซ้ำ ส่วนประชากรเชื้อชายอุยกูร์ ระหว่างปี 2010 – 2018 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 10.17 ล้านคนเป็น 12.71 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25% ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าเชื้อสายฮั่น 10 เท่า “บังคับทำหมัน” เป็นเรื่องโคมลอยทั้งเพ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเดินทางไปซินเจียงกว่า 200 ล้านคน/ครั้ง หลายปีมานี้ยังมีคณะตัวแทนจาก 90 กว่าประเทศเคยไปดูงานที่ซินเจียง พวกเขาเคยมีใครเห็น “ค่ายกักกัน” ที่คุมขังชาวอุยกูร์เป็นล้านคนไว้หรือไม่? เรื่องโกหกยกเมฆขนาดนี้ สหรัฐฯ ไม่รู้สึกผิดที่ปล่อยข่าวออกมาบ้างหรือ?!
3. ต่อประเด็นเหตุชุมนุมและก่อจลาจลที่สร้างความวุ่นวายไปทั่วฮ่องกงตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วนั้น ชาวฮ่องกงต่างรู้สึกทุกข์ระทมอย่างยิ่ง ซึ่งไม่มีประเทศอธิปไตยใดที่จะนั่งนิ่งดูดาย การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง ทำให้ชาวฮ่องกงในพื้นที่ 80% รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
เมื่อวานนี้นานาชาติ 50 ประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วม สนับสนุนท่าทีของจีนต่อปัญหาฮ่องกง หวังว่าสหรัฐฯ จะตั้งใจฟังเสียงแห่งความยุติธรรมของสังคมระหว่างประเทศ ใครต้องการเห็นฮ่องกงมีเสถียรภาพและความมั่งคั่ง ใครคิดวางแผนให้เกิดความวุ่นวายในฮ่องกง? สังคมโลกต่างเห็นชัดเป็นที่ประจักษ์
4. ขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอันร้ายแรง แต่ละประเทศต่างคาดหวังให้ประเทศใหญ่แสดงความรับผิดชอบตามบทบาทของตน ทว่าสหรัฐฯ กลับใช้นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน (American First)” ในภาวะคับขันกลับถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มีเจตนาทำลายความร่วมมือพหุภาคี
สหรัฐฯ ก่อให้เกิดสงครามไปทั่ว คว่ำบาตรชาติอื่นแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์นับแสนคนต้องบาดเจ็บล้มตาย กลายเป็นผู้อพยพพลัดถิ่นนับล้าน และขาดแคลนอาหารและยารักษาโรคอีกนับสิบล้าน สหรัฐฯ ไม่เคยคำนึงถึงความยากลำบากทางการคลังของสหประชาชาติ (UN) ขณะนี้ค้างชำระเงินอุดหนุนกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว สหรัฐฯ ดึงดันที่จะอยู่ตรงข้ามกับประชาคมโลก และมักอยู่โดดเดี่ยวในคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง UN สหรัฐฯ ได้กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของชาติอื่นเสียเอง เป็นผู้สร้างความลำบากให้แก่ UN แล้วสหรัฐฯ ยังมีคุณสมบัติอะไรที่จะตั้งตนเป็น “อาจารย์” คอยวิพากษ์วิจารณ์สิทธิมนุษยชนของชาติอื่น
5. ต่อประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีน ชาวจีนคือผู้ที่รู้ดีที่สุด เสียงสนับสนุนรัฐบาลจีนมีสัดส่วนสูงกว่า 90% ชาวจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กำลังมุมานะสู่เป้าหมายการฟื้นคืนความยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีน อำนาจใดที่จะสกัดกั้นการพัฒนาของจีนล้วนเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกล้มความคิดทำสงครามเย็นและมีอคติต่ออุดมการณ์ทางการเมือง มองการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของจีนด้วยสายตาเป็นกลาง ตลอดจนยุติการปล่อยข่าวลืออันเป็นเท็จและไวรัสทางการเมือง
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากเท่าไร สองชาติมหาอำนาจก็โต้ตอบกันดุเดือดมากยิ่งขึ้น ส่วนท่าทีที่แข็งกร้าวและดุดันทันทีของจีนนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่าพญามังกรจะไม่ทนอีกต่อไป!
ที่มาข้อมูล : https://www.fmprc.gov.cn/ce/ceun/chn/hyyfy/t1822380.htm
เรียบเรียงโดย : อรสา รัตนอมรภิรมย์ ศูนย์อาเซียน-จีนศึกษาฯ